วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สิ่งที่เรียนรู้จากการเทรด Tfex 19/2/59

สิ่งที่เรียนรู้จากการเทรด Tfex 19/2/59

วันนี้มี Position ต้างอยู่จากวันก่อน ทั้ง L และ S ของแต่ละซี่รีย์ ซึ่งเป็นการเปิดขัดกันไว้เนื่องจากไม่มั่นใจในวันก่อนหน้า

วันนี้เฟก (S50H16) เปิดทรงๆ จากเมื่อวาน 814 แต่มีสวิงขึ้นมา 1 จุด โดยเบรค 815 แล้วขึ้นเทส 818 ซึ่งจำได้ว่าเป็น High เดิมที่เคยเทส ประกอบกับจำได้ว่า STO / RSI ทำ Overbought และ Bearish Divergence  เลยปิดซี่รีย์ M ที่เปิด L มา เพื่อเทสกำไร แล้้วเอากำไรมาถัว S ที่ S50H16

เฟกยังคงยกทำ High ไปเรื่อย จนเห็นว่าหยุดที่ 825 เลยถัวเพิ่ม....จากนั้น.....เละ


สิ่งที่ควรทำ
1. เมื่อมีการ Break High ก่อนหน้า และ Pull Back แล้วไม่หลุด ควรเปิดสัญญาตามเทรน หรือปิดสัญญาที่ผิดทาง
2. ยิ่งเบรค High และ Pull Back ไม่หลุด และเมื่อกลับมาเบรค High นั้นอีกรอบ คือจุดที่ควรซื้อเพิ่ม


3. การที่ S50H16 เบรค 515 คือการเบรคแนว SW และเริ่มกลับเทรนเป็นขาขึ้น ซึ่งจุดสุดท้ายที่ต้องมีของในการ L คือ 822 ใน TF ที่ใหญ่กว่า ซึ่งไม่เคยดูเลย ในทุก TF 815 คือจุดอันตรายหากเบรคได้แล้วต้อง L อย่างเดียว
    ปล. พฟ บอกให้ดูตั้งแต่ TF Y, M, จนถึง 5 นาที จะเห็นชัดมาก และให้เทรดบน TF-15 ส่วน TF-5 ใช้ดู Swing



ข้อผิดพลาดที่ต้องแก้อย่างเร่งด่วน
1. การไม่อยู่กับปัจจุบัน - การไบแอสเมื่อกราฟสวนทางกับ Position ที่มี เมื่อเรามี Position ที่ผิดทางกับทิศทางของราคา สมองและใจของเราจะพยายามไม่คัท เพราะเชื่อว่ามันต้องลงหรือมันต้องขึ้นในทิศทางของ Position ของเรา ซึ่งหากเราอยู่กับปัจจุบัน อ่านกราฟปัจจุบัน และวิเคราะห์จากปัจจุบัน ผิดคือผิด ถูกคือถูก นั้นแหละคือหนทางรอดของเรา....หยุดมโน
2. การเล่นในกรอบและการเล่นเมื่อเบรคเทรน - เมื่อผิดทางแล้ว หากยังอยู่ในกรอบ SW ยังมีโอกาสแก้ได้ แต่หากเบรคกรอบ SW แล้วคือการเกิดเทรน ถ้าผิดทางต้องคัทแล้วเปลี่ยนทางทันที โดยเฉพาะการเบรคกรอบ SW ใน TF ใหญ่ๆ
3. การเลือกใช้ Indicator - หากเกิดเทรนแล้ว การเลือก indicator มาใช้งานต้องเหมาะสม ข้อดีข้อเสียของแต่ละ Indicator เช่น STO ใช้ตอนไหน และไม่สามารถใช้ตอนไหนได้
4. Over trade - มันคือการบริหารหน้าตัก ไม่ต้องเร่งรวย

พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 17 ราคาหุ้นกับข่าวการขยายโครงการ หรือขยายการลงทุน

# พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 17 #
- - กรณีที่ 17. ราคาหุ้นกับข่าวการขยายโครงการ หรือขยายการลงทุน - -
ข่าวการขยายโครงการ หรือขยายการลงทุน ถือว่าเป็นข่าวดีที่เป็นเหตุให้เหล่านักลงทุนนั่งฝันหวานหลับตาพริ้ม กับความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งๆ ที่ต้องรออีกนานหลายเดือน หรือหลายปี หรืออาจเป็นชาติ แต่ก็ถือว่าเป็นข่าวดีที่มาสร้างฝัน สร้างความหวัง หรือที่เรียกว่าบริษัทออกมาโปรยยาหอมก็ว่าได้
.. .. ..
^^ ข่าวการขยายการลงทุนนั้นเป็นตัวจุดระเบิด กับการวิ่งของราคาหุ้น ^^
- กรณีแรก :: ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาอย่างร้อนแรง เพื่อมารับกับข่าวดังกล่าว ลักษณะแบบนี้เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถเดาหรือคาดการณ์ได้ล่วงหน้า แต่ถ้าเราถือหุ้นนั้นอยู่แล้ว และราคาหุ้นได้วิ่งอย่างรุนแรง และมีข่าวขยายการลงทุนออกมารับราคาหุ้นดังกล่าวก็ถือว่าโชคดีสุดๆ
- กรณีที่สอง :: ราคาหุ้นยังคงแน่นิ่งสนิท ไม่มีอาการแสดงให้เห็นว่าราคาหุ้นจะวิ่ง ทั้งๆ ที่ข่าวดังกล่าวได้ออกสู่สายตานักลงทุนเป็นที่เรียบร้อยทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์ และใน Set.or.th จนกระทั่งวันเวลาที่เหมาะเจาะ ราคาหุ้นก็ถูกเตะโด่ง ลอยละลิ่วสูงขึ้นอย่างกับจรวดติดไอพ่น เกิดการเก็งกำไรอย่างร้อนแรง
.. .. ..
ทั้งสองเหตุการณ์ เป็นสิ่งที่จำเป็นในการนำไปผูกโยงกับลักษณะการวิ่งของราคาหุ้น บทเวลาลงทุนจะทำให้เรามองทะลุ อ่านเกมขาดกระจุย แบบที่ว่า..กูว่าแล้วว่ามันต้องวิ่ง..อย่างสะใจ !!
- - โจโฉ - -

Cr https://www.facebook.com/stockwarlord/?fref=nf

พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 16 ราคาหุ้นในปีนี้ที่ผลงานโคตรดี กับผลงานในปีหน้าที่ห่วยขั้นเทพ

<< พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 16 >>
= = กรณีที่ 16. ราคาหุ้นในปีนี้ที่ผลงานโคตรดี กับผลงานในปีหน้าที่ห่วยขั้นเทพ = =
....ปีที่ผ่านมาผลงานบริษัทก็ยังย่ำแย่ต่อเนื่องมาจากสองสามปีที่แล้ว และราคาหุ้นก็ตอบสนองกับผลงานที่ห่วยแตก คือ PBV ต่ำกว่า 1 เท่า ปริมาณซื้อขายก็เบาบาง....
แต่ในปีนี้ผลงานจะ " Turnaround " เนื่องจาก..ผลงานจากเม็ดเงินที่ได้จากการขยายการลงทุนได้คลอดกำไรออกมายังบริษัท
ทำให้บริษัทฟื้นตัวอย่างรุนแรง ราคาหุ้นจึงดีดตัวอย่างก้าวกระโดด ตามผลงานที่ออกมาดี
.
.
- - สาเหตุสำคัญเป็นแบบนี้ครับ - -
ปีหน้าและปีต่อไปผลงานจะย่ำแย่ ถ้าเปรียบเหมือนมวย ก็หมายถึงมวยยก 5 ที่จะต้องรีบเผด็จศึกคู่ต่อสู้ให้จบภายในยก 5 ให้ได้
ด้วยเหตุนี้ ราคาหุ้นจึงมักจะเล่นก่อนที่จะถูกปล่อยลอยแพตามผลงานในปีหน้าที่ย่ำแย่ ซึ่งก็คือมันไม่มียก 6 และยกต่อไปแล้ว
และด้วยเหตุนี้ราคาหุ้นจึงมักจะเล่นกันแรง ๆ ในปีนี้ ตามผลงานที่ออกมาดี ก่อนที่จะทิ้งทวนไปยังปีหน้าที่ผลงานจะย่ำแย่
== ใครที่มองแต่ปัจจุบัน เพราะมัวแต่ฝันตาค้างกับราคาหุ้นที่ร้อนแรงในปีนี้ อาจจะต้องนอนเฝ้าดอยไปอีกหลายปี ==

- - โจโฉ - -

Cr https://www.facebook.com/stockwarlord/?fref=nf

วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 15 เหตุการณ์บริหารจัดการภายในกิจการที่มีผลทำให้หุ้นขึ้น แต่ทำไมหุ้นลง

<< พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 15 >>
- - กรณีที่ 15. เหตุการณ์บริหารจัดการภายในกิจการที่มีผลทำให้หุ้นขึ้น แต่ทำไมหุ้นลง - -
......ผมจำเหตุการณ์ของหุ้นตัวหนึ่งในกลุ่มธุรกิจการเงิน ซึ่งก็คือบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ที่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วในขณะนั้นอยู่ที่ 2,300 ล้านบาท ในงบครึ่งปี 2552 Par 1 บาทต่อหุ้น และมีขาดทุนสะสมอยู่ในงบดุลซึ่งทำให้บริษัทไม่สามารถจ่ายปันผลได้
เหตุการณ์ที่ฝังใจผมและทำให้ผมจำติดตามาจน ถึงวันนี้ ก็คือ ในวาระการประชุมวิสามัญในปี 2552 ซึ่งได้มีมติออกมาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2552 และได้จัดให้มีการประชุมขึ้นในวันที่ 21 กันยายน 2552 โดยมีวาระการประชุมที่น่าสนใจ ดังนี้..
1. ให้พิจารณาอนุมัติการล้างขาดทุนสะสม โดยการลดทุนแบบลดจำนวนหุ้นเพื่อล้างขาดทุนสะสมในงบครึ่งปี คือ สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2552
2. เพิ่มทุนแบบ RO สัดส่วน 4 ต่อ 1 ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในราคา 1.30 บาทต่อหุ้น และถ้าขายไม่หมดก็ให้คณะกรรมการพิจารณาขายหุ้นในส่วนที่เหลือที่ราคา 1.34 แบบ PPต่อไป
3. แจก WARRANT ในสัดส่วน 1ต่อ 1ให้กับผู้มาซื้อหุ้น RO โดยไม่คิดมูลค่า ทั้งนี้สามารถใช้สิทธิในราคา 2 บาทต่อหุ้น
4. แจก ESOP ให้กรรมการและพนักงานในสัดส่วน 1 ต่อ 1 ที่ซื้อ RO โดยไม่คิดมูลค่า ทั้งนี้สามารถใช้สิทธิในราคา 1.5 บาทต่อหุ้น
ผลประกอบการ 2 ไตรมาส ในปี 2552
Q2/2552 :: ประกาศวันที่ 15 สิงหาคม 2552 ขาดทุนสุทธิ 107 ล้านบาท
Q3/2552 :: ประกาศวันที่ 15 พฤศจิกายน 2552 กำไรสุทธิ 112 ล้านบาท
.
.
- -> ราคาหุ้นเป็นแบบนี้ครับ <- -="" p="">
ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2551 อยู่ที่ 0.5 บาทต่อหุ้น BV 0.8 PBV 0.6 เท่า และก็วิ่งขึ้นไปรับข่าวการประกาศงบที่ออกมาห่วยขั้นเทพในไตรมาสที่ 2/2552 ซึ่งแสดงให้เห็นค่าที่ขาดทุนเท่ากับ 107 ล้านบาท (ราคาหุ้นวิ่งสวนผลประกอบการที่ออกมาว่า ขาดทุน)
หลังจากวันที่ 31 สค. 2552 ที่มีมติกรรมการออกมา ราคาไปแตะ 1.34 บาทต่อหุ้น PBV 1.67 เท่า (วิ่งมาจาก 0.5 บาทต่อหุ้นในตอนต้นปี 2552) และราคาก็ยังทรงๆไปรอ Q3/2552
ใครๆ ที่ได้อ่านต่างก็ดีใจว่ามีมติเหตุการณ์บริหารจัดการภายในกิจการที่จะทำให้หุ้นขึ้นตามรายละเอียดข้างต้นจากข้อ 1 ถึงข้อ 4 และพวกเขาก็เข้ามาซื้อหุ้นอย่างมั่นใจก็เนื่องด้วยค่า PBV 1.67 เท่า ถือว่ายังไม่แพง และราคาก็ทรงๆ จนไปถึง Q3 ที่งบออกมาว่ามีกำไร จึงจัดไปเต็มแม็กโดยหวังว่าจะได้เงินปันผลเป็นรางวัลตอบแทน
...
อนิจจา !!
หลังจากวันที่ 15พ.ย. 2552 เป็นต้นไปงบอออกมาสวยครับ กิจการมีกำไรและสามารถจ่ายปันผลได้
แต่ราคาหุ้นกลับดำดิ่งไปที่เดิมเหมือนในตอนต้นปี2552 คือ ที่ราคา 0.5 บาทต่อหุ้นทั้งๆ ที่มีกำไรในงบ Q3 /2552 และขาดทุนสะสมก็หายไปแถมยังสามารถจ่ายปันผลได้อีก
...
ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม!!!
เหตุการณ์บริหารจัดการที่มีผลต่อราคาหุ้น ไม่จำเป็นที่หุ้นจะขึ้นเสมอไป ราคาหุ้นมันลงก็ได้ ภาพนั้นมันยังหลอนผมอยู่จนถึงทุกวันนี้
** ก็เพราะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในปี 2552 **
เช่น สงกรานต์เลือด มีการเผาเมืองและเกิดความวุ่นวายไปจนถึงสิ้นปี 2552 ตลาดหุ้นจึงย่ำแย่ตามไปด้วย
ดังนั้นจึงไม่ใช่สูตรสำเร็จว่าราคาหุ้นจะวิ่งเสมอไป..
หากตลาดหุ้นย่ำแย่ ตามเหตุการณ์ความไม่สงบ
อะไรก็ฉุดไม่อยู่ครับ..
- -โจโฉ - -
Cr https://www.facebook.com/stockwarlord/?fref=nf

พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 14 Cash Balance ในช่วงก่อนประกาศงบประจำปี

<< พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 14 >>
- - กรณีที่ 14. Cash Balance ในช่วงก่อนประกาศงบประจำปี - -
กรณีศึกษาหุ้นในอดีต ช่วงจะประกาศงบการเงินประจำปี
เมื่อหลายปีก่อน มีหุ้นอยู่สองตัวในตลาดที่ผมได้บันทึกไว้ โดยผมขอสงวนชื่อนะครับ หุ้นสองตัวดังกล่าว มีเหตุการณ์คล้ายกันดังนี้
.
.
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายเดือนราคาหุ้นทั้งสองก็ได้ตกต่ำลงมาเรื่อยๆ จนแทบแน่นิ่งและก็เงียบมาสักพัก และก่อนที่จะประกาศงบการเงินประจำปี ที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ก็เกิดการเล่นไล่ราคาหุ้นให้วิ่งกระฉูดพร้อมๆ กับวอลุ่มมหาศาล ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนในที่สุดก็ติด Cash Balance สมใจที่มีคนต้องการให้เกิดเหตุการณ์นี้
เขาทำเพื่ออะไรกัน ? ใครคนหนึ่งถามมาตามสายลม..
....
ก่อนอื่นมาดูความหมาย ของคำว่า Cash Balance ก่อนนะครับว่ามันคืออะไร
1. "Cash Balance" หมายความว่า สมาชิกต้องดำเนินการให้ลูกค้าซื้อหลักทรัพย์ด้วยบัญชี Cash Balance เท่านั้น โดยลูกค้าต้องวางเงินสดไว้ล่วงหน้ากับสมาชิกเต็มจำนวนก่อนซื้อหลักทรัพย์
2. "ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย" หมายความว่า ห้ามสมาชิกใช้หลักทรัพย์เป็นหลักประกันในการคำนวณเป็นวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ (ในทุกประเภทบัญชี)
3. "ห้าม Net Settlement" หมายความว่า ห้ามสมาชิกหักกลบราคาค่าซื้อ กับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (ซื้อและขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน ค่าขายคืนเป็นวงเงินในวันทำการถัดไป)
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย คือ อัตราหมุนเวียนการซื้อขาย (Turnover ratio) มูลค่าการซื้อขาย และราคาซื้อขายที่ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน เช่น P/E Ratio เป็นต้น
....
ทีนี้เรามาดูเหตุผลที่ผมสรุปไว้ว่าทำไมเขาจึงจงใจให้ติด Cash Balance ในช่วงจะประกาศงบการเงินประจำปี
1. เพื่อคนที่จะเข้ามาซื้อจะต้องวางเงินก่อนล่วงหน้าก่อน จึงจะมีสิทธิเข้ามาเล่น ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการป้องกันคนที่คิดว่าจะจับเสือมือเปล่า แบบเข้าเช้าแล้วขายในวันเดียวกัน พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่มีคนที่ไม่มีเงินสดมาวางเข้ามากวน จึงทำให้การจะกระทำของใครบางคนที่เรียกเขาว่า “ เจ้ามือ” ในการนำพาราคาหุ้นให้เป็นไปตามกลเกมของพวกเขาได้ง่ายขึ้น
2. วันที่จะปลด Cash Balance คือ ในวันที่ 1 มีนาคม ซึ่งการประกาศงบปีจะถูกประกาศให้รับรู้วันสุดท้ายคือ เช้าวันที่ 1 มีนาคม
.
.
บทสรุปที่ได้บันทึกและวิเคราะห์ตามที่ผมทำไว้เป็นดังนี้ครับ..
-หุ้นตัวที่ 1. งบประจำปีออกมาดี พอหุ้นตัวนี้หลุดจาก Cash Balance ในวันที่ 1มีนาคมพอดี ราคาหุ้นก็วิ่งแทบทะลุฟ้า ตามที่ท่านผู้นำต้องการ และก็เป็นจริง ราคาหุ้นหลังจากนั้นวิ่งอย่างรุนแรง
-หุ้นตัวที่ 2. งบการเงินประจำปีออกมาไม่ดีแบบน่าผิดหวัง พอหุ้นตัวนี้หลุดจาก Cash Balance ในวันที่ 1 มีนาคม ราคาหุ้นจึงตกทะลุบาดาล เพราะช่วงก่อนหน้านี้คือในช่วงก่อนจะติด Cash Balance ได้มีการเล่นกันแรงๆ ก็น่าจะมีการขายหุ้นออกไปหมดแล้วของใครบางคน
..ถึงแม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านมาแล้วหลายปี แต่ผมก็จดจำจนขึ้นใจ และบันทึกไว้อย่างละเอียด..
- ->บทสรุป
- ช่วงที่ติด Cash Balance จะเป็นช่วงที่คุมเกมได้ง่ายที่สุด ในกรณี กดหุ้น ทุบหุ้น เพื่อพวกเขาจะได้เก็บหุ้นให้ได้มากที่สุดก่อนจะกระชากราคาให้วิ่งสูงขึ้นในอนาคต
- ช่วงที่ติด Cash Balance จะเป็นช่วงที่คุมเกมได้ง่ายที่สุด ในกรณี จะลากราคาขึ้นเพื่อไปรอรับงบการเงินที่จะออกมาแบบดีเลิศกว่าปีก่อน ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นวิ่งกระฉูดหลังจากประกาศงบอย่างต่อเนื่อง
โปรดทราบ !!! โปรดอ่านอีกครั้งหนึ่ง…
ท่านลองนำกรณีศึกษาที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ตามที่ผมได้อธิบายไป นำไปเป็นกรณีศึกษาพฤติกรรมราคาหุ้นนะครับ ว่าจะออกมาไม้ไหนกัน….
^^ เรื่อง Cash Balance จะเป็นเรื่องบังเอิญ
ไม่มีแน่นอนครับ ฟันธง! ^^

- -โจโฉ - -
Cr https://www.facebook.com/stockwarlord/?fref=nf

พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 13 ราคาหุ้นกับข่าวลือ

= = พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 13 = =
- - กรณีที่ 13. ราคาหุ้นกับข่าวลือ - -
..ข่าวลือ เป็นสิ่งที่กุขึ้น.. เพื่อจุดประสงค์ในการเสริมสร้างความคึกคักของหุ้นตัวนั้น การสร้างข่าวลือเป็นสิ่งที่แหกตาหลอกลวงปั้นน้ำเป็นตัว โดยการสร้างข่าวกุข่าวขึ้น อย่างเช่นว่า ข่าวการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มั่นคงและเป็นธุรกิจผูกขาด อย่างนี้เป็นต้น
...
ข่าวลือมีมูลเป็นจริง หรือไม่มีมูลเลย เพียงแต่ผู้บริหารทำหนังสือออกมาบอกว่าข่าวดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง เพียงเท่านี้ก็สร้างการตีความไปได้ต่าง ๆนา ๆ
.
.
- -> กรณีที่หนึ่ง คือ แกล้งทำหนังสือออกมาว่า ข่าวลือที่เกิดขึ้นดังกล่าวไม่เป็นความจริง ทั้งๆ ที่ไม่มีข่าวลือหรือข่าวอะไรเลยแม้สักนิด (ปั้นน้ำเป็นตัวว่ามีข่าวลือ) ราคาหุ้นก็ยังเงียบสนิท หรือกระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นผ่านไปราวสักหนึ่งเดือน ราคาหุ้นวิ่งกระจุยกระจายหลายเด้ง ทำให้รายย่อยเหมาเอาเองว่าที่ราคาหุ้นวิ่ง ก็เพราะข่าวลือนั้นมีเค้าว่าจะจริง
- -> กรณีที่สอง คือ ราคาหุ้นจู่ๆ ก็วิ่งพรวดสูงขึ้นสามสี่วันติดกัน จนชนเพดานทุกวัน จากนั้นผู้บริหารก็ออกมาบอกว่าข่าวลือนั้นไม่มีมูลความจริง (ทั้งที่มันไม่ได้มีข่าวลืออะไรเลยสักนิด)
ทั้งสองกรณีนั้นเป็นเรื่องจงใจ เพื่อสร้างสถานการณ์ว่ามีข่าวลือ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีข่าวลือเลยแม้แต่นิดเดียว
- -> กรณีที่สามคือ ข่าวลือในห้องค้าจริง เป็นการสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นเพื่อดันราคาหุ้นให้วิ่งสูงขึ้น ข่าวลือแบบนี้สร้างขึ้นซึ่งอาจจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแหกตาก็ได้ เรื่องจริงก็มีให้เห็นหลายบริษัท
.
.
ในตลาดหุ้นเป็นแหล่งสร้างกระแสแหกตาสร้างภาพ งานนี้สุดแล้วแต่จะจัดฉาก แต่งเรื่องกุข่าวขึ้นมา เรียกได้ว่าแล้วแต่บทบาทนั้นจะออกมาในรูปแบบใด เหล่าผู้กำกับหลังฉาก คือผู้ร้ายที่จิตใจไม่บริสุทธิ์ ที่ขุ่นมัว หวังเพียงให้ได้เงินทองเข้ามามากๆ
..นี่แหละ ความโลภสามารถทำได้ทุกสิ่งจริงๆ..
ข่าวลือนี่แหละ คืออาวุธร้ายที่ออกมารับราคาหุ้นที่กำลังร้อนแรง แล้วสุดท้ายเรื่องก็เงียบไป..
- - โจโฉ - -
Cr https://www.facebook.com/stockwarlord/?fref=nf

พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 12 เมื่อตลาดไม่ดีไม่คึกคัก ราคาหุ้นมักจะไม่แรง

= = พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 12 = =
...กรณีที่ 12. เมื่อตลาดไม่ดีไม่คึกคัก ราคาหุ้นมักจะไม่แรง...
ตลาดหุ้นเป็นแหล่งระดมทุนของผู้ประกอบการ ที่สามารถระดมทุนทั้งแบบ IPO ในช่วงเข้าตลาดครั้งแรก หรือเพิ่มทุนหลังจากที่เข้าจดทะเบียนในตลาดเรียบร้อยแล้ว ที่เรียกว่า การขายหุ้นRO และ PP ซึ่งหากตลาดหุ้นคึกคักการระดมทุนเพื่อนำเงินไปขยายการลงทุนก็จะสามารถทำได้ง่าย
- -เราสามารถสังเกตได้ง่ายๆ ถ้าช่วงตลาดหุ้นดีและคึกคัก มักจะมีข่าวการเพิ่มทุนให้เห็นหลายบริษัท และมีหุ้น IPO มากมายเรียงหน้ากันเข้าจดทะเบียนในตลาด
เท่าที่ผมสังเกตและบันทึกไว้จะพบว่า ราคาหุ้นมักจะร้อนแรงในช่วงตลาดดี ตลาดคึกคัก ดังนั้น เหล่าบรรดาผู้บริหารหุ้นในตลาดจึงมักจะอาศัยช่วงจังหวะนี้ ขายหุ้นเพิ่มทุนในตลาด และในขณะเดียวกันกับเจ้ามือก็ได้อาศัยอาการตามลูกตามน้ำ นั่นก็คือ...การแสวงหาผลประโยชน์ในหุ้น แบบซื้อถูกไว้ก่อนหน้า แล้วขายแพงในเวลาต่อมา...
- -สาเหตุที่เป็นแบบนี้ ก็เพราะว่าพวกเขา(เจ้ามือ) นั้นสามารถขายหุ้นหรือระบายหุ้นออกไปให้รายย่อยได้ง่าย และได้ปริมาณมากในช่วงตลาดกำลังบูม ซึ่งก่อนหน้านี้นั้นพวกเขาได้เข้าเก็บหุ้นตอนตลาดแย่ หรือที่เรียกว่าช่วงตลาดหมีจนเต็มหน้าตัก
เมื่อเข้าใจพฤติกรรมแบบนี้ จึงจำเป็นต้องเข้าใจตลาด และเข้าใจหัวอกของเจ้ามือ บทเวลาเราลงไปลุยจะได้ทันเกม ทันเหตุการณ์ และรู้เท่าทัน โดยลงมือไปพร้อมๆ กับพวกเขา ทั้งซื้อและขาย
- -ช่วงตลาดดี การระบายหุ้นออกของเจ้ามือจะสามารถทำได้ง่าย และจะมีเม่าปีกกล้า วิ่งมารับอย่างมากมายโดยไม่เกรงกลัวความร้อนแรง
แต่ถ้าตลาดหุ้นซบเซาการจะขายหุ้นออกไปของเจ้ามือก็ไม่รู้จะขายให้ใคร นี่คือเหตุการณ์จริงที่ว่า...ทำไมตอนตลาดซบเซาปริมาณหุ้นจึงหมุนเวียนในตลาดต่ำเหลือเกิน...
- -> ดังนั้นช่วงตลาดย่ำแย่ จึงเป็นช่วงที่น่าเก็บหุ้น
ส่วนตลาดคึกคัก คือ ช่วงที่ต้องขายหุ้นออกไป <- -="" p="">
- - โจโฉ - -
Cr https://www.facebook.com/stockwarlord/?fref=nf

พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 11 ราคาหุ้นหลังจากเพิ่มทุนแล้วเสร็จ

= = พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 11 = =
กรณีที่ 11. ราคาหุ้นหลังจากเพิ่มทุนแล้วเสร็จ
....เมื่อเพิ่มทุนแล้วเสร็จ บริษัทก็จะนำเงินก้อนนั้น นำไปหมุนเวียน หรือขยายการลงทุนตามรายละเอียดที่บริษัทแจ้งในวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุน พฤติกรรมของราคาหุ้นหลังจากที่เพิ่มทุนแล้วเสร็จนั้นจะเป็นอย่างไร 
เราตามไปดูกันครับ...
เมื่อบริษัทได้เงินเราไปแล้วต่อจากนี้ก็จะนำไปลงทุน ระยะเวลาต่อจากนี้ไปคือ การรอคอยดอกผลความสำเร็จจากเม็ดเงินดังกล่าว ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนหรือหลายปี งานนี้ขึ้นอยู่กับว่าโครงการใหม่นั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน
** ในระหว่างรอคอยเพื่อไปยังจุดหมาย คือความสำเร็จนี่แหละ คือช่วงที่มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น ทั้งค่าดำเนินงานและค่าบริหาร รวมทั้งค่าประชาสัมพันธ์ต่างๆ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้หากสังเกตในงบกำไรขาดทุนจะพบว่ามีค่ามากขึ้น และถ้ากิจการเดิมทรงๆ และไม่มีกำไรมากมาย โอกาสที่กิจการจะขาดทุนมีสูงมาก จุดนี้นี่เองจะเป็นสาเหตุทำให้ราคาหุ้นดิ่งลง จนกระทั่งใกล้เคียง PBV 1 เท่า หรือเลวร้ายกว่านั้น PBV อาจต่ำกว่า 1 เท่าก็เป็นได้ สถานการณ์ในตอนนี้เหล่าบรรดาคนที่เข้าใจประเด็นนี้ ก็จะเข้าซื้อหุ้นซึ่งเป็นการเล่นหุ้นแนวสวนกระแส..
.
.
เมื่อเราเข้าใจประเด็นสำคัญดังกล่าว เราจึงจำเป็นจะต้องคัดหุ้นออกมาเพื่อดูการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น และทิศทางความสำเร็จของโครงการใหม่นั้น ต่อไปว่าจะเป็นไปตามที่เราอ่านเกมหรือไม่ ถ้าใช่ ก็เฝ้าติดตามหุ้นดังกล่าวไปเรื่อยๆ จนเรารู้ทิศทางแน่ชัดว่าราคาหุ้นแน่นิ่งสนิทแล้ว และไม่ตกต่ำลงไปมากกว่านี้แล้ว จึงค่อยเตรียมลงทุนแบบจัดหนักจัดเต็ม เพื่อไปรอความสำเร็จในอนาคตที่ PBV จะวิ่งไปแตะค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมเป็นเป้าหมายในการขายหุ้น ถ้าในกรณีเราลงทุนที่ PBV ต่ำกว่า 1 เท่า ราคาหุ้นก็จะไปแตะ PBV 1 เท่าเป็น Step แรก แล้วค่อยวิ่งไปแตะที่ PBV เท่ากับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมใน Step ต่อมา ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับอีกหลายปัจจัย...
.
.
อีกกรณีหนึ่ง คือบริษัทได้นำเม็ดเงินจากการระดมทุนนั้นไปซื้อกิจการอื่น ในกรณีนี้จะได้ผลเร็วกว่ากรณีแรก ราคาหุ้นในกรณีนี้จะตอบรับตอบสนองได้เร็วมาก ทิศทางราคาหุ้นมีแนวโน้มวิ่งสูงขึ้น จากการนำผลประกอบการของกิจการใหม่ไปรวมกับกิจการเดิม ซึ่งจะทำให้รายได้และกำไรเพิ่มมากขึ้นในอนาคต เกิดเป็นความหวังตามที่ทุกคนรอคอย การเก็งกำไรจึงเกิดขึ้น
หลังจากบริษัทระดมทุนเพิ่มทุนแล้วเสร็จ ท่านจะต้องจับตาและวางแผนก่อนเข้าลงทุนอย่างรอบคอบตามที่ได้อธิบายไป...
- -> ดังคำคมที่ว่า “ จงรอคอยจังหวะ และจงเข้าโจมตีเมื่อข้าศึกเพลี้ยงพล้ำ โจมตีซ้ำเมื่อข้าศึกอ่อนแรง ” คงใช้ได้ดีสำหรับ หุ้นที่เพิ่มทุนแล้วเสร็จ ขอให้จับจังหวะให้ดีครับ <- -="" p="">
หมายเหตุ :-
อยากให้ท่านย้อนไปอ่านสามก๊กตอนที่ “ลกซุน เข้าโจมตี เล่าปี่ ”( วันที่ 19/12/58 ) และตอน “แฮหัวเอี๋ยน เสียที ฮองตง” ( วันที่ 11/1/59 ) จะเป็นกรณีศึกษาที่ดีเยี่ยม..
- - โจโฉ - -
Cr https://www.facebook.com/stockwarlord/?fref=nf

พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 10 ราคาหุ้นกับการจ่ายปันผลครั้งแรกในรอบหลายปี

>> พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 10 <<
- -กรณีที่ 10. ราคาหุ้นกับการจ่ายปันผลครั้งแรกในรอบหลายปี - -
...เรามาดูกันครับว่าในกรณีที่บริษัทสามารถจ่ายปันผลได้ครั้งแรกในรอบหลายปีนั้น จะตีแตกแต่ละประเด็นออกมาอย่างไรได้บ้าง และราคาหุ้นจะเป็นอย่างไร...
## ประเด็นที่เราจำเป็นต้องเรียนรู้นั้น เราไปดูกันครับ
--> กรณีที่ 1 :: กิจการลุ่มๆ ดอนๆ และเพิ่มทุนมาตลอด ผลจากการระดมทุนก็ยังไม่ทำให้เกิดกำไรเป็นกอบเป็นกำ แต่บริษัทก็มีกำไรพิเศษจากการปรับโครงสร้างทางการเงิน จึงได้จ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นด้วยจำนวนที่น้อยนิด ในขณะที่ก่อนหน้านี้ในช่วงเพิ่มทุนได้เล่นเก็งกำไรไปแล้วอย่างคึกคัก ราคาหุ้นถูกเตะโด่งขึ้นไปรอช่วงปันผลครั้งแรกที่จะมาถึงซึ่งเป็นช่วงที่จะมีคนเสพกำไรอย่างเป็นกอบเป็นกำ เพราะได้ตุนหุ้นไว้ตอนราคาต่ำๆ จากนั้นก็นำเหตุการจ่ายปันผลนี่แหละมาเป็นข้ออ้างของราคาหุ้นที่วิ่งสูงขึ้น ในขณะที่พวกเขาได้เตรียมระบายหุ้นออกในช่วงจะจ่ายปันผลนี้เอง
....
--> กรณีที่ 2 :: กิจการมีกำไรจากการประกอบการ แต่พอถึงช่วงประกาศงบประจำปีกลับไม่จ่ายปันผล โดยอ้างเหตุผลว่าจะนำเงินไปขยายการลงทุน เนื่องจากสถานการณ์ในตลาดหุ้นไม่เอื้อ ไม่คึกคัก และยังไม่จำเป็นต้องใช้เงิน จึงไม่เล่น
....
--> กรณีที่ 3 :: เหมือนกับกรณีที่ 2 แต่เกิดเปลี่ยนใจหลังจากประกาศไปแล้วว่าไม่จ่ายปันผลโดยได้ขอเปิดประชุมวิสามัญเพื่อขอจ่าย WARRANT ฟรีให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งการประชุมวิสามัญจะเกิดขึ้นหลังจากประชุมสามัญประจำปีไปแล้ว 1 เดือน สาเหตุก็เพื่อลดแรงกดดันในช่วงประชุมสามัญให้ผ่านไปโดยไร้ข้อขัดแย้งใดๆ
....
--> กรณีที่ 4 :: เหมือนกรณีที่ 2 แต่ได้เพิ่มเติมวาระการประชุมไปในการประชุมสามัญประจำปีเสียเลย โดยอ้างว่าทางมติกรรมการได้เห็นชอบ และเพิ่มการจ่าย WARRANT ฟรีให้กับผู้ถือหุ้นเดิมหรือไม่ก็จ่ายเป็นหุ้นปันผล
....
--> กรณีที่ 5 :: ในช่วงงบประจำปี ไม่จ่ายปันผล แต่ผ่านไปจนถึงกลางปี จึงค่อยประกาศจ่ายปันผล เนื่องจากสถานการณ์ไม่เอื้อและยังเก็บหุ้นไม่มากพอ จึงจำเป็นต้องเก็บหุ้นต่อในช่วงประกาศไม่จ่ายปันผล เพื่อไปเล่นแรงในช่วงจ่ายปันผลในช่วงกลางปี
.
.
ทั้ง 5 กรณีดังกล่าว เป็นลีลาของเหล่าผู้บริหารที่จ้องจะเอาเปรียบตลอดเวลา สาเหตุก็เพราะเมื่อพวกเขายังเก็บหุ้นได้ไม่มากพอพวกเขาจึงจำเป็นจะต้องลากเกมให้ยาวออกไป หรือไม่ก็ออกลีลาเล่นเกมตามแต่ละกรณีที่ได้นำเสนอไปทั้ง 5 ข้อ ทั้งนี้ก็แล้วแต่ว่าพวกนี้จะเล่นอย่างไร
แต่เท่าที่สังเกตเห็น ถ้าพวกเขาไม่ได้เปรียบพวกเขาก็จะยังไม่เล่น และมักจะอาศัยการตามน้ำตามตลาดที่คึกคัก กล่าวคือ ถ้าตลาดยังไม่คึกคักเกมก็อาจจะถูกลากเกมยาวออกไปเพื่อรอตลาดที่คึกคัก
จากนั้นจึงค่อยนำเหตุการณ์จ่ายปันผล มารองรับราคาหุ้นที่วิ่งสูงขึ้น หลังจากเกมอยู่ในการควบคุมของพวกเขา
^^ ผมบอกคุณแล้ว เล่นกับใครไม่เล่น คุณก็ยังไม่เชื่อผม แต่ยังกลับมองพวกเขาในแง่ดี ^^

- - โจโฉ - -
Cr https://www.facebook.com/stockwarlord/?fref=nf

พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 9 ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไป พร้อมกับเพิ่มทุน PP

>> พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 9 <<
- - กรณีที่ 9. ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไป พร้อมกับเพิ่มทุน PP - -
ลักษณะราคาหุ้นจะคึกคักเป็นที่น่าสนใจ จนกระทั่งประกาศเพิ่มทุนแบบ PP ณ จุดนี้ดูเหมือนว่ากลุ่ม PP ได้หุ้นราคาแพง เพราะคิดราคาที่ถัวเฉลี่ย 7 วัน ที่มีส่วนลดจากราคาถัวเฉลี่ย ณ ขณะนั้น 10% ตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์
แบบนี้ก็เสมือนว่าไม่ได้ทำเพื่อพวกพ้องของตน เพราะราคาหุ้น PP มีราคาสูงลิ่ว
...
แล้วเหล่าบรรดารายย่อยในตลาดก็เห็นว่า จุดนั้นคือจุดเริ่มต้น เพราะลงทุนพร้อมราคาหุ้น PP ซึ่งพวกเขาถือคติว่า เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด จึงยอมตกลงปลงใจลุยไปพร้อมกัน
แต่จากนี้อีกไม่นาน ราคาหุ้นก็หัวทิ่มลง หุ้นถูกปล่อยให้กับเหล่า รายย่อยทั้งหลายมารับ
แต่แล้วไฉน ราคามีแต่หัวทิ่มลงล่ะ ?
ก็เพราะคำว่า “ จุดเริ่มต้นของราคา PP เป็นสัญญาณหลอกไงล่ะ ”
โดยทำทีว่ามาซื้อ PP ซึ่งก็ซื้อจริงๆ แต่เมื่อเทียบจำนวนหุ้นที่เพิ่มทุนแล้วน้อยนิดเสียเหลือเกิน เช่น เป็นหุ้นที่เหลือ จาก การขายแบบ RO ในคราวก่อนที่ขายยังไม่หมดจึงนำมาขายแบบ PP ในคราวนี้
ท่านเห็นอะไรไหม ?
...
กลุ่มของพวกเขาได้กำไรจากส่วนต่าง ตั้งแต่ช่วงก่อนหน้านี้แล้ว เพราะตุนหุ้นตอนราคาต่ำๆ แล้วเอามาเทขายตอนราคาสูงๆ ช่วงจะ PP ซึ่งเงินที่ได้จากส่วนต่างดังกล่าวมากมายเหลือเกินเมื่อเทียบกับเงินที่จะใส่เพิ่มทุนในช่วง PP
นี่แหละ!! หลอกหารับประทานแบบหน้าด้านๆ ไม่รู้จะสรรหาคำไหน จึงจะเหมาะกับกลุ่มคนพวกนี้
ตาสว่างอีกหลายรอบหรือยังพี่น้อง..

- - โจโฉ - -
Cr https://www.facebook.com/stockwarlord/?fref=nf

พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 8 ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไป จากนั้นจะปล่อยให้ราคาตกลงแล้วจึงเพิ่มทุน PP

>> พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 8 <<
-- กรณีที่ 8. ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไป จากนั้นจะปล่อยให้ราคาตกลงแล้วจึงเพิ่มทุน PP --
ลักษณะราคาหุ้นจะคึกคักเป็นกรณีพิเศษเล่นกันแบบที่มีเหตุผลและไร้เหตุผล เช่น จากผลประกอบการที่ดีแบบมาครั้งเดียว อย่างเช่นกำไรพิเศษทั้งจากการขายสินทรัพย์ออกไป หรือกำไรจากการชนะคดีความ หรือกำไรพิเศษจากการปรับโครงสร้างหนี้
จากนั้นราคาหุ้นก็จะถูกปล่อยไปตามธรรมชาติ นั่นคือราคาหุ้นจะค่อยๆ ตกลงไปตามผลประกอบการที่ห่วยแตก
..
จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งก็ประกาศเพิ่มทุนแบบ PP ที่ทำรายการขออนุมัติไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วในกรณีเพิ่มทุนแบบ General mandate ณ จุดนี้ถือว่ากลุ่ม PP จะได้หุ้นราคาถูก เพราะคิดราคาที่ถัวเฉลี่ย 7 วัน ที่มีส่วนลดจากราคาถัวเฉลี่ยดังกล่าว 10% ตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์
..
แบบนี้ก็ทำเพื่อพรรคพวกของตนนะสิ ใครคนหนึ่งตะโกนมาตามสายลม
..
ผมก็ตอบไปว่า มันแน่แท้ยิ่งกว่าแช่แป้ง..
งานนี้พวกเขาทำเพื่อตนเองและพวกพ้อง แล้วเหล่าบรรดารายย่อยในตลาดล่ะ ช่างแมร่ง!! ไม่ใช่ลูกเมียกรูนี่ พวกเขาก็จะพูดแบบนี้..
ที่แสบทรวงกว่านี้ ก็คือ เงินส่วนต่างที่ได้จากการขายหุ้นก่อนหน้านี้ก็นำมาซื้อ PP รอบนี้ซะเลย
## แบบนี้คือ ราคาหุ้นวิ่งก่อนที่จะเพิ่มทุนแบบ PP ##
ตาสว่างหรือยังพี่น้อง ..

- - โจโฉ - -
Cr https://www.facebook.com/stockwarlord/?fref=nf

พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 7 ราคาหุ้นยังไม่วิ่งขึ้นไป ทั้งๆ ที่ PP ราคาสูงกว่าราคาตลาด

= =>พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 7 <= =
- - กรณีที่ 7. ราคาหุ้นยังไม่วิ่งขึ้นไป ทั้งๆ ที่ PP ราคาสูงกว่าราคาตลาด - -
....ลักษณะราคาหุ้นจะซึมๆ และไม่คึกคัก แถมกดราคาลงมาเรื่อยๆ หลายเดือน จากนั้นก็ประกาศเพิ่มทุน PP ที่ราคาสูงกว่าราคาตลาด ดูแล้วรู้สึกแปลก
....ลักษณะพฤติกรรมดังกล่าวจะเงียบเชียบ ไม่มีข่าวอะไรออกมาให้เห็น
ตัวอย่าง เช่น ราคาหุ้นในตลาดราคา 0.8บาท ราคาหุ้นเพิ่มทุน PP ราคา 1 บาท ซึ่งราคานี้ใกล้เคียงกับ BV และ พาร์
การซื้อขายหุ้นยังคงซึมๆ ไม่คึกคัก
- - -
จนกระทั่งคนเบื่อ เพราะมันเงียบเหลือเกิน เหตุการณ์เงียบๆ แบบนี้ กินเวลามาก่อนหน้านี้แล้วสี่ห้าเดือน
จากนั้นราคาหุ้นเริ่มขยับ ปริมาณเริ่มคึกคัก ค่อยวิ่งขึ้นไปแตะ ที่ 1 บาทต่อหุ้น และแช่อยู่แถวๆนี้อีกสักระยะหนึ่ง
- - -
เมื่อสถานการณ์พร้อม ก็จะมีคนนำพาราคาหุ้นวิ่งสูงขึ้นตามตลาดที่คึกคัก หลังจาก PP แล้วเสร็จ ราคาหุ้นวิ่งขึ้นแบบ ไร้เหตุผล
พอวิ่งขึ้นได้ระดับหนึ่งก็ตามสูตรเลยครับ อัดด้วยข่าวดี ข่าวลือ ข่าวควบรวมกิจการ ราคาหุ้นคึกคัก..
คราวนี้ก็มีคนได้ คนเสียเกิดขึ้น
....
พฤติกรรมราคาหุ้นแบบนี้ คือ “ วิ่งหลังจาก PP ”

- - โจโฉ - -
Cr https://www.facebook.com/stockwarlord/?fref=nf

พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 6 ราคาหุ้นวิ่งไป เพื่อเพิ่มทุนในราคาที่สูง

= => พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 6 <= =
- - กรณีที่ 6. ราคาหุ้นวิ่งไป เพื่อเพิ่มทุนในราคาที่สูง - -
....ลักษณะราคาหุ้นจะซึมๆ และไม่คึกคักมาหลายเดือน แต่แล้วจู่ๆ ก็วิ่งพรวดสูงขึ้น และคึกคักเป็นพิเศษ จากนั้นก็ประกาศเพิ่มทุนที่อาจจะมีทั้ง RO, PP และมีของแถมคือ WARRANT ติดมือให้ด้วย
- - -
ลักษณะพฤติกรรมดังกล่าวมักจะตามด้วยข่าวที่บอกถึงความสำเร็จของโครงการต่างๆ ที่บริษัทได้ทำไว้ก่อนหน้า และกล่าวถึงยอดขายที่จะเติบโตมากกว่าเดิม หรือผลกำไรที่จะขยายตัวมากกว่าเดิม รวมทั้งแผนการลงทุนในการระดมทุนในครั้งนี้ที่พูดคุยโอ่ถึงความสวยงาม กับความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- - -
พวกเขากำลังทำให้เรามีความสุขกับราคาหุ้นที่วิ่งสูงขึ้น เพื่อจุดประสงค์ต่อไปนี้
1. กลุ่มของพวกเขาได้ซื้อหุ้นไว้ก่อนล่วงหน้ามาหลายเดือนในช่วงตลาดหุ้นซึมๆ และราคาหุ้นไม่คึกคัก เมื่อเวลามาถึงก็เลยดึงราคาหุ้นขึ้น เพื่อเพิ่มทุนที่ราคาสูง ในขณะที่ราคาหุ้นกำลังร้อนแรง
2. นำข่าวและรายละเอียดของโครงการการขยายการลงทุนที่สวยงามน่าลงทุน ซึ่งจัดทำโดยที่ปรึกษาอิสระมาตีแผ่ ทำให้เห็นว่าราคาหุ้นวิ่งมารับข่าวดี เกี่ยวกับโครงการดังกล่าวในอนาคต พูดง่ายๆ ก็คือราคาหุ้นวิ่งไปรอความสำเร็จในอนาคตเรียบร้อยแล้ว
3. กลุ่มคนที่จะมาซื้อหุ้น PP มีบารมี มีชื่อเสียง มีคอนเน็คชั่น และร่ำรวย จะเป็นตัวสื่อออกมาให้เห็นว่าราคาหุ้นวิ่งไปรอรับท่านผู้มีบารมีดังกล่าว
...เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยก็ตามด้วยข่าวที่ว่า นักลงทุนรายย่อยได้ให้ความสนใจกับบุคคลดังกล่าวเสียเหลือเกิน นอกจากท่านผู้นี้จะมีบารมีคับฟ้าแล้ว ท่านยังมีธุรกิจนอกตลาดที่มั่นคง และมีเสถียรภาพ ที่อาจจะนำพาธุรกิจดังกล่าวเข้าตลาด ผ่านการระดมทุนในครั้งนี้ โดยในรายละเอียดของผู้ที่จะมาซื้อ PP นั้นจะชี้แจงอย่างละเอียดว่าท่านทำงานที่ใด ตำแหน่งอะไร เพียงเท่านี้ก็สามารถโยงไปถึงความฝันในเรื่องนำธุรกิจดังกล่าวนอกตลาด ตามที่อธิบายไป ราคาหุ้นที่วิ่งสูงขึ้นจึงไม่เป็นที่น่าสงสัยแต่ประการใด
เพียงแค่นี้ราคาหุ้นก็วิ่งขึ้นทะลุโลก....
เพื่อให้เนียนหน่อยจึงจำเป็นต้องสร้างความคึกคักของการซื้อขาย และนำพาราคาให้สูงขึ้นเสมือนว่ามีคนเข้ามาเล่นกันมากมาย
แล้วถ้ากลุ่มคนที่จะมาซื้อ PP หากนิสัยไม่ดี อาศัยส่วนต่างของราคาหุ้นที่เกิดขึ้นดังกล่าว แล้วนำเงินที่ได้ไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนล่ะ ก็เท่ากับว่าพวกเขาได้หุ้นมาฟรีๆ !!
- - โจโฉ - -
Cr https://www.facebook.com/stockwarlord/?fref=nf

พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 5 ราคาหุ้นไม่วิ่งไป เพราะเพิ่มทุน RO ในราคาที่ต่ำ

= => พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 5 <= =
-- กรณีที่ 5. ราคาหุ้นไม่วิ่งไป เพราะเพิ่มทุน RO ในราคาที่ต่ำ --
ลักษณะราคาหุ้นจะซึมๆ และไม่คึกคักมาหลายเดือน จากนั้นก็ประกาศเพิ่มทุน RO ที่ราคาต่ำกว่าราคาตลาด ดูเสมือนว่าให้รางวัลกับรายย่อย
..
ลักษณะพฤติกรรมดังกล่าวก็มักจะตามด้วยข่าวที่บอกถึงความสำเร็จของโครงการต่างๆ ที่บริษัทได้ทำไว้ก่อนหน้า และกล่าวถึงยอดขายที่จะเติบโตมากกว่าเดิม หรือผลกำไรที่จะขยายตัวมากกว่าเดิมในอนาคต รวมทั้งแผนการลงทุนในการระดมทุนในครั้งนี้ที่แสดงให้เห็นเป็นระยะ
..
พวกเขากำลังทำให้เรามีความสุขกับราคาหุ้น RO ที่ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับราคาตลาด เพื่อจุดประสงค์ต่อไปนี้..
1. กลุ่มของพวกเขาก็จะได้ซื้อหุ้น RO ด้วยเช่นกัน ตามสัดส่วนที่กำหนด งานนี้เรียกได้ว่า WIN-WIN ทุกฝ่าย
2. นำข่าวและรายละเอียดของโครงการการขยายการลงทุนที่สวยงามน่าลงทุน ซึ่งจัดทำโดยที่ปรึกษาอิสระมาตีแผ่ เพื่อทำให้เห็นว่าราคาหุ้นปัจจุบันราคาถูกเหลือเกิน พูดอีกอย่างก็คือ ราคาหุ้นยังไม่วิ่งไปรอความสำเร็จในอนาคต
3. กลุ่มคนอีกกลุ่มที่เป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มแรกก็อาศัยจังหวะตั้งแต่ช่วง XR เข้าเก็บหุ้นอย่างเมามันส์ เนื่องจากราคาหุ้นในตลาดไม่แตกต่างกับราคาหุ้น RO มากนัก เช่น ราคาอาจจะแตกต่างไม่เกิน 50% อย่างนี้เป็นต้น
เมื่อได้หุ้นจนเต็มที่แล้ว ก็นำหุ้นที่ซื้อได้มาถัวเฉลี่ยกับจำนวนหุ้นของคนกลุ่มแรกที่มีสิทธิใน RO นั้น เมื่อนำจำนวนหุ้นทั้งหมดมารวมกัน ก็จะพบว่า..ราคาเฉลี่ยนั้นใกล้เคียงกับราคาหุ้น RO เสียเหลือเกิน..(บังเอิญ ไม่มีแน่ๆ )
ด้วยเหตุนี้แหละ เหตุการณ์ WIN-WIN จึงถือว่าแฟร์สำหรับงานนี้
จากนั้นไม่นานเมื่อตลาดหุ้นกลับมาคึกคัก ราคาหุ้นก็จะวิ่งตามปัจจัยภายในตลาด และความสำเร็จของเม็ดเงินเพิ่มทุน ที่ออกฤทธิ์คลอดรายได้ และกำไรที่มากกว่าเดิม
^^ แบบนี้เขาเรียกว่า…เป็นงาน ^^

- - โจโฉ - -
Cr https://www.facebook.com/stockwarlord/?fref=nf

พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 4 ราคาหุ้นวิ่งไปรอข่าวดี ช่วงประกาศงบการเงิน

= => พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 4 <= =
- - กรณีที่ 4. ราคาหุ้นวิ่งไปรอข่าวดี ช่วงประกาศงบการเงิน - -
....ลักษณะราคาหุ้น วิ่งสูงขึ้นในช่วงตลาดหุ้นคึกคัก ในช่วงเทศกาลประกาศงบการเงิน และประกาศจ่ายปันผลในรอบปี....
ลักษณะพฤติกรรมดังกล่าวมักจะตามด้วยข่าวที่บอกถึงความสำเร็จของโครงการต่างๆ ที่บริษัทได้ทำไว้ก่อนหน้า และกล่าวถึงยอดขายที่เติบโตมากกว่าเดิม หรือผลกำไรที่ขยายตัวมากกว่าเดิม รวมทั้งแผนการลงทุนในปีหน้าที่คุยโอ่ถึงความสวยงาม กับความสำเร็จที่ใครได้ยินได้ฟังล้วนก็มีความฝัน และความหวังไปตามๆ กัน
.
.
พวกเขากำลังทำให้เรามีความสุขกับราคาหุ้นที่วิ่งสูงขึ้น เพื่อจุดประสงค์ต่อไปนี้
1. กลุ่มของพวกเขาได้ซื้อหุ้นไว้ก่อนล่วงหน้ามาหลายเดือน ในช่วงตลาดหุ้นซึมๆ และราคาหุ้นไม่คึกคัก เมื่อเวลามาถึงก็เลยเตรียมของไว้ขายให้กับนักลงทุนรายย่อยที่เสพข่าวดี ในขณะที่ราคาหุ้นกำลังร้อนแรง
2. นำปันผลมาล่อใจ ทำให้เห็นว่าราคาหุ้นยังไม่แพง แถมยังได้ปันผลเป็นรางวัลตอบแทน
.
.
นี่ก็คือกลลวง ที่เรียกว่า “ ล่อด้วยผลประโยชน์ ”
เพื่อให้เนียนหน่อย จึงจำเป็นต้องสร้างความคึกคักของการซื้อขาย และนำพาราคาให้สูงขึ้นเสมือนว่ามีคนเข้ามาเล่นกันมากมาย....
- - โจโฉ - -
Cr https://www.facebook.com/stockwarlord/?fref=nf

พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 3 ราคาหุ้นสวิงตัวอย่างรุนแรง ปริมาณหุ้นคึกคัก แต่มาปิดที่ราคาใกล้เคียงเดิม

<< พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 3 >>
- -> กรณีที่ 3. ราคาหุ้นสวิงตัวอย่างรุนแรง ปริมาณหุ้นคึกคัก แต่มาปิดที่ราคาใกล้เคียงเดิม <- -="" p="">
เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ มักจะมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเข้ามาฉุดกระชากลากถู เพื่อกวนให้ป่วนโดยลากขึ้นแล้วจากนั้นก็ตบลงมาที่เดิม เช่น จาก 1 บาท แล้วลากขึ้นไป 1.22 บาท ในเวลาช่วงก่อนเที่ยงพร้อมทั้งปริมาณคึกคัก ตกตอนเย็นใกล้ๆ ปิดตลาดราคาก็หล่นลงมาที่จุดเดิมคือ 1 บาท หรือแถวๆ 1.05 บาท อย่างนี้เป็นต้น
.. .. .. ..
ทำไมจึงเป็นแบบนี้ !!
พวกเขากำลังทำให้เรากลัวเพื่อไม่ให้เราเข้าไปยุ่งด้วย เพราะพวกเขาจะเก็บหุ้นไปเรื่อยๆ ระยะเวลาในการกระชากลากราคาหุ้นกินเวลาราวๆ หกเดือน
แต่ไม่ใช่จะเล่นแบบนี้ทุกวัน จะเล่นแบบนี้จากนั้นจะค่อยๆ เงียบลง จากนั้นอีกเดือน หรือสองเดือนก็ทำแบบนี้อีก แต่ไม่ใช่ราคาจุดเดิม อาจเป็นราคาที่ขยับขึ้นกว่าเดิม
วนเวียนเป็นแบบนี้หลายเดือน ปริมาณหุ้นไม่ได้เบาบางลงเลย
แปลกมาก !! ว่าทำไมปริมาณหุ้นคึกคัก แต่ราคายังไม่ขยับไปไหนไกล แบบนี้ผิดธรรมชาติ
.. .. .. ..
จากนั้นเมื่อเวลาใกล้มาถึง ก็จะนำพาราคาหุ้นให้วิ่งทะยานขึ้นแบบม้วนเดียวจบ จนถึงจุดที่พวกเขาพอใจ ก็จะตามด้วยข่าวดี มารับราคาหุ้น
กลุ่มเม่าปีกกล้า ก็จะมารับราคาหุ้นนี้ที่เต็มไปด้วยข่าวดี และอาจเป็นช่วงจ่ายปันผล หรือเพิ่มทุนก็ได้ งานนี้ท่านต้องจับจังหวะให้ดี
ราคาหุ้นขึ้นเพราะมีคนบงการ ไม่มีหรอกที่รายย่อยจะทำให้ราคาหุ้นวิ่งสูงขึ้นได้ บอกได้คำเดียว ไม่มีทางครับ...
และที่บอกว่า ของดีๆ คนต้องการเยอะ ราคาจึงสูงขึ้น
มันก็แค่เพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น…
- - โจโฉ - -
Cr https://www.facebook.com/stockwarlord/?fref=nf

พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 2 ราคาหุ้นแน่นิ่งแบบราคาขนานกับพื้นโลก ปริมาณหุ้นเบาบาง

<< พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 2 >>
--> กรณีที่ 2. ราคาหุ้นแน่นิ่งแบบราคาขนานกับพื้นโลก ปริมาณหุ้นเบาบาง <-- p="">
เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ มักจะมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังค่อยๆ เข้าทยอยเก็บหุ้น โดยค่อยๆ กดราคาหุ้นลงเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังมีคนขายหุ้นออกมา และอาศัยกลุ่มของตัวเองช่วยกันสร้างสถานการณ์ให้มีปริมาณซื้อขายพอสมควร แล้วค่อยๆ กดราคาลง จนถึงจุดหนึ่งที่ไม่มีคนคนขายออกมาแล้ว ราคาหุ้นจะแน่นิ่งแกว่งตัวในช่วงที่แคบมากๆ ที่ผมเรียกว่า " ราคาหุ้นขนานกับพื้นโลก "
.
.
คนกลุ่มนี้มีพลังเงินมาก จะอาศัยการโยนหุ้นไปมาในกลุ่มของตนในทิศทางกดราคาลง จำนวนหุ้นดังกล่าวที่โยนกันไปมานั้นไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ในกลุ่มเดียวกัน เพียงแต่เปลี่ยนมือ..
วิธีการดังกล่าวมักจะตามด้วยข่าวร้ายมาเสริม และงบการเงินที่ออกมาขาดทุนหรือแย่กว่าเดิม ซึ่งราคาหุ้นที่ตกต่ำลงก็ดูมีเหตุมีผลว่ามาจากผลประกอบการที่ย่ำแย่
ระยะเวลาที่ราคาหุ้นขนานกับพื้นโลก และปริมาณเบาบางมักจะมากกว่า หกเดือนขึ้นไป หุ้นบางตัวราคาขนานกับพื้นโลกเป็นปีๆ หรือสองสามปี งานนี้สุดแล้วแต่ปัจจัยภายในตลาดหุ้น และผลประกอบการ
.
.
เราจึงต้องมองการตกลงของราคาหุ้นให้ออกว่าเพราะเหตุใด
และจะสิ้นสุดการตกลงของราคาหุ้นเมื่อไหร่
ถ้าราคาหุ้นยัง ตกลงในแนวดิ่ง (ราคาลดลงเรื่อยๆ ) อย่าเพิ่งเข้าไปซื้อเด็ดขาด เพราะยังลงไม่สุดทาง จะต้องรอให้ราคาแน่นิ่งและแกว่งตัวในช่วงแคบๆ เสียก่อน หรือที่เรียกว่า " ขนานกับพื้นโลก " จึงค่อยคิดที่จะซื้อหุ้นนั้น....
- - โจโฉ - -
Cr https://www.facebook.com/stockwarlord/?fref=nf

พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 1 รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

<< พฤติกรรมของราคาหุ้น ตอนที่ 1 >>
คำกล่าวที่ว่า “ ต้องชัดเจนทั้งเขาและเรา จึงเข้าโจมตี ” หมายถึงต้องศึกษาสถานการณ์อย่างละเอียดและรอบคอบ แล้วจึงค่อยกำหนดกลยุทธ์เข้าจู่โจม ซึ่งเป็นคำกล่าวที่ตรงกับของ "ซุนวู" ที่ได้กล่าวไว้ในตำราพิชัยสงครามว่า....
“ รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ”
ในสมรภูมิรบคงมีแต่คนบ้าที่ไร้สติเท่านั้น ที่บุ่มบ่ามถือดาบออกไปลุยระห่ำ โดยไม่ได้ประเมินข้าศึกฝ่ายตรงข้ามเลยว่าเก่ง หรือเจ๋งกว่าฝ่ายตนขนาดไหน อีกทั้งในสถานการณ์จริงในสนามรบ บางที่ข้าศึกก็ทำทีว่าอ่อนแอ หรือบางทีก็ทำทีว่าเข้มแข็ง เพราะมักจะสร้างกลลวงให้เห็นอยู่เสมอ และบางทีก็ไม่ได้เสแสร้งหรือแกล้งแต่อย่างใด....
ด้วยเหตุนี้แม่ทัพจะต้องมองให้ขาด และชัดเจนว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังจะทำอะไร และใช้วิธีการอย่างไร
นั่นก็คือ…
“ จะต้องประเมินสถานการณ์ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นค่อยกำหนดวิธีการเข้าโจมตี ”
-- -- -- -- -- --
ในตลาดหุ้นก็เช่นเดียวกัน การขึ้นลงของราคาหุ้นจึงไม่ต่างจากกลสงคราม ที่มักจะมีอะไรแอบแฝงอยู่เสมอ เราจึงมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องศึกษาพฤติกรรมของราคาหุ้น....
--> เรามาดูพฤติกรรมราคาหุ้นในแต่ละกรณีกันครับ <-- p="">
กรณีที่ 1. ราคาหุ้นกำลังวิ่งขึ้น ปริมาณหุ้นคึกคัก
มีคนกลุ่มหนึ่งเป็นคนทำราคาให้วิ่งสูงขึ้น ซึ่งคนกลุ่มนี้ได้ซื้อหุ้นเก็บไว้ตอนราคาต่ำๆ มาก่อนหน้าแล้ว
....
คนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นรายย่อยก็มักจะไล่ซื้อตามราคาหุ้นที่กำลังร้อนแรง โดยตั้งราคาขายดักไว้ล่วงหน้า เมื่อราคาไปถึงก็ได้กำไรในส่วนต่างนั้น พฤติกรรมของคนกลุ่มนี้จะเล่นกันแบบฉาบฉวยเมื่อกำไรในส่วนต่างนั้น พวกเขาก็จะไปเล่นตัวใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ
....
คนกลุ่มแรกนี้มีพลังเงินมาก จะอาศัยการดึงราคาหุ้นขึ้นลงแบบฉุดกระชากลากถู จนคนกลุ่มที่สองเริ่มมองเห็นก็จะเข้ามามากขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ยิ่งจะพาราคาหุ้นให้วิ่งไปแรงๆ จนถึงจุดที่เขาต้องการ จากนั้นจะเริ่มปล่อยของ (ขายหุ้นออก) เมื่อมีคนเข้ามามากขึ้น คนที่มาทีหลังจึงไปรับหุ้นที่คนกลุ่มแรกได้ขายออกมา
....
วิธีการดังกล่าวมักจะตามด้วยข่าวดีมาเสริมให้ราคาหุ้นดูมีเหตุผลมากขึ้น
- - เราจะเข้าไปเล่นจึงต้องมองการวิ่งขึ้นของราคาหุ้นให้ออกว่าเพราะเหตุใด - -
ความผันผวนของราคาหุ้นนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เราจะต้องไวต่อสถานการณ์ ดังนั้นเราจะต้องมีการประเมินสถานการณ์อย่างแจ่มชัด และศึกษาพื้นฐานของหุ้นนั้นให้แตกฉาน เพื่อลดความเสี่ยงให้มากที่สุด ก่อนจะบุ่มบ่ามเข้าไปลุย โดยต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมราคาหุ้นจึงสูงขึ้นในช่วงจังหวะเวลานั้น
.. ถ้าไม่รู้ ก็หลีก ครับ ..
- - โจโฉ - -
cr https://www.facebook.com/stockwarlord/?fref=nf

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เทคนิคหาปลา by Vichit Amornrojworawut

เทคนิคหาปลา by Vichit Amornrojworawut

ใครอยากรู้เทคนิคหาปลา หาหุ้นกินเองได้
ตามแบบฉบับปราชญ์ชาวบ้าน ที่มหาลัยโคลัมเบีย
และโรงเรียนวัดบ้านโคก ไม่เคยสอน ใครอยากรู้ ขอ 500 Like พอ ถ้าไม่ถึงแสดงว่าไม่มีใครอยากรู้ กระทู้นี้ก็เป็นอันว่าตกไป ฮ่า

มา Update ข้อมูล หลังยอดกระทืบ Like กระจาย ทะลุ 500 (ล้าน) (View) Like อิอิ แสดงว่า มีคนอยากเป็นชาวประมง คนหาปลากันเยอะเลยเนาะ สงสัยคงเบื่อที่จะเป็น แมงเม่า กันแล้วเนาะ ฮ่า

หัวใจการเล่นหุ้น ก็ไม่มีอะไรมากมาย ถ้าเราเข้าใจเด็กเทคนิค
กำไรก็จะไหลมาหาเรา การเล่นหุ้นจังหวะในการเข้าซื้อ หรือ ขาย นับว่าสำคัญมากๆ หรือ Timing ดี มีชัยถุงยางอนามัย มีกำไรไปกว่าครึ่ง

การแบ่งเงินในการเข้าซื้อเป็น 3 ไม้ 
       ไม้แรก ซื้อตรงปากล่างของ BB
       ไม้ที่ 2 ซื้อตรงเส้นค่าเฉลี่ยของ BB ขาขึ้น
       ไม้ที่ 3 รอ Follow Buy หรือ Panic Buy เวลามัน Break Out หรือ Break Downtrend Line หรือ มันทะลุ High เดิม ขึ้นไปทำ New High ใหม่ได้ หรือ High แล้ว High เล่า เฝ้าแต่ All Time New High ไม้ที่ 3 นี้ จะมีแมงเม่า เด็กเทคนิค นักลงทุน จะเข้ามามะรุมมะตุ้ม รุมรักแมร์รี่กันมากทีเดียว จะวิ่งขึ้นไปได้เร็วและแรงมาก วิ่งขึ้นไปได้ไกล เหมือนจรวดทางเรียบ มาพร้อม Volume เนื้อๆเน้นๆ ยิ่งทะลุเส้น 200 วัน กราฟ Day ขึ้นไปได้ จะยิ่งทั้งยาวทั้งใหญ่ กราฟราคาหุ้นจะเป็นแท่งสีเขียวใหญ่โด่เลย

หลักการสังเกตุ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าในแต่ละวัน เราควรซื้อหุ้นตัวไหน ขายหุ้นตัวไหน ที่ราคาเท่าไหร่

1. เวลาซื้อ หรือ ขายหุ้น ให้พยายามซื้อให้ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยซื้อขายในแต่ละวัน แต่เวลาขายควรขายให้สูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ย

2. เวลาซื้อ ควรซื้อตอน Sto มันต่ำกว่า 20% Over Sold แล้วเกิดไดเว่อร์เจ๋ง ไดกระทิงสิงร่าง โดยสังเกตุที่ Sto RSI MACD และ กราฟราคาหุ้นทำรูปแบบ Double Bottom เขียวแท่งแรก ต้องกล้าซื้อ

3. เวลาขาย ควรขายตอน Sto มันสูงกว่า 80-90% Over Bought แล้วเกิดไดเว่อร์เจ๊ง ไดกระเทยสิงร่าง โดยสังเกตุที่ Sto RSI MACD และกราฟราคาหุ้นทำรูปแบบ Double Top แดงแท่งแรก ต้องกล้าขาย

4. ให้ดูที่ราคา Pre Close ในแต่ละวัน ก่อนเวลาปิด 16.45 น. หุ้นตัวไหนที่มันมีทีท่าว่าจะปิดได้เขียวเต็มแท่ง หรือ ราคาปิดกระโดด ให้สันนิษฐานว่า มีเจ้าเข้าสิง พรุ่งนี้เจ้ามันยังจะลากต่อ เจ้ามันยังไม่ออก พรุ่งนี้เปิดมาตอนเช้า เจ้ามันอาจจะตบเม่าก่อน หรือ จับเม่าเขย่าก่อนสัก 2-3 ช่อง แล้วก็ลากราคาหุ้นขึ้นไปเขียวต่อ

5. ใจต้องนิ่ง มองหุ้นวิ่งขึ้นไป แล้ว Take Action รอรับตังค์

วิธีหาปลา หาหุ้นกินเองแบบนี้ ง่ายและเข้าใจกันดีม่ะ ฮ่า
นี่คือหลักสูตร ลูกเทพ ที่มหาลัยโคลัมเบีย และ อาจารย์ปู่ เบนจามิน เกรแฮม
ที่เป็นอาจารย์ปู่บัฟเฟ่ต์ ไม่เคยสอน และ โรงเรียนวัดบ้านโคก ไม่มีสอน มีสอนที่นี่ทีเดียว

ฮ่า

สิ่งที่เรียนรู้จากการเทรด Tfex 11/2/59

สิ่งที่เรียนรู้จากการเทรด Tfex 11/2/59

การหาจังหวะเข้าท
1.  ตรวจสอบดูว่ามี Bull / Bear Divergence หรือไม่
2.  การรับ / ขาย อ้างอิงแนว Fibo
3. Buy ใกล้แนวรับ / Sell ใกล้แนวต้าน
4. Buy ที่แนว STO Over Sold / Sell ที่แนว STO Over Bought